--- การรักษาความปลอดภัยบนเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ---





มาตรการความปลอดภัยขั้นพื้นฐาน
            เนื่องจากเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเป็นระบบเครือข่ายสาธารณะ ทุกๆ คนสามารถเข้าถึง และใช้งานได้อย่างไม่จำกัด ทำให้มีกลุ่มผู้ใช้บางคนที่มีเป้าหมายแตกต่างจากบุคคลทั่วไป เช่น ต้องการขัดขวาง หรือทำลายระบบไม่ให้ใช้งานได้ ลักลอบขโมยข้อมูล หรือล้วงความลับทางราชการ เรียกบุคคลเหล่านี้ว่า แฮกเกอร์ (Hacker) ดังนั้นระบบคอมพิวเตอร์ทุกระบบ จำเป็นต้องมีมาตรการความปลอดภัยขั้นพื้นฐาน เช่น โปรแกรมป้องกันไวรัส การล็อกเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นมาใช้เครื่อง สิ่งเหล่านี้จัดเป็นการป้องกันความปลอดภัย ซึ่งมีหลากหลายวิธีให้ เลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม

1. ความปลอดภัยบนสภาพแวดล้อมภายนอก
เป็นลักษณะทางกายภาพที่มองเห็นด้วยตาความปลอดภัยชนิดนี้จะเกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อม และภาพรวมของอุปกรณ์เป็นสำคัญ ประกอบด้วย
1. ห้องศูนย์บริการคอมพิวเตอร์ จะต้องปิดประตู และใส่กลอนเสมอ เพื่อป้องกันบุคคลภายนอกหรือขโมยเข้าไปขโมยอุปกรณ์
2. การจัดวางสายเคเบิล จะต้องมิดชิด เรียบร้อย เนื่องจากอาจทำให้ผู้อื่นสะดุดล้มทำให้เกิดบาดเจ็บ หรือสายเคเบิลขาดได้
3. การยึดอุปกรณ์ให้อยู่กับที่เพื่อป้องกันการเคลื่อนย้าย และป้องกันผู้ไม่หวังดีขโมยอุปกรณ์
4. เครื่องปรับอากาศ ควรปรับให้มีอุณหภูมิเย็นในระดับพอเหมาะ เพราะความร้อนเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่ออายุการใช้งานของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
5. ควรมีระบบป้องกันทางไฟฟ้า เพราะกระแสไฟฟ้าที่ไม่คงที่ จะส่งผลต่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์โดยตรง ดังนั้นควรมีอุปกรณ์กรองสัญญาณไฟฟ้าที่ช่วยปรับกระแสไฟฟ้าที่จ่ายไปให้มีแรงดันคงที่ และอยู่ในระดับที่เหมาะสม และยังป้องกันไฟตก ไฟกระชาก
6. การป้องกันภัยธรรมชาติ แผ่นดินไหว อุทกภัย หรืออัคคีภัยสามารถป้องกันได้ด้วยการออกแบบเครือข่าย โดยติดตั้งเครื่องเซิร์ฟเวอร์ให้มีระบบสำเนาข้อมูล แบบสมบูรณ์ และเครื่องสำเนาระบบนี้อาจจะติดตั้งในที่ที่ปลอดภัย

2. ความปลอดภัยด้านการปฏิบัติงาน
เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดระดับความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลของบุคคลต่างๆ ภายในองค์กรตามนโยบายที่ผู้บริหารระดับสูงกำหนด

3. การตรวจตราเฝ้าระวัง
ผู้บริหารเครือข่ายจำเป็นต้องมีมาตรการหรือการตรวจตราเฝ้าระวัง เพื่อมิให้ระบบคอมพิวเตอร์ถูกทำลาย หรือถูกขโมย ดังนั้นศูนย์คอมพิวเตอร์บางที่จึงมีการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิดตามจุดสำคัญต่างๆ ซึ่งเทคนิคนี้สามารถใช้งานได้ดี ซึ่งจะป้องกันบุคคลภายในที่ต้องการลักลอบขโมยข้อมูล ก็จะทำให้ดำเนินการได้ยากขึ้น เนื่องจากมีกล้องคอยดูอยู่ตลอดเวลา แต่วิธีนี้ก็ไม่ดี ในกรณีด้านการละเมิดสิทธิ์ส่วนบุคคล ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและกฎหมายของแต่ละประเทศ นอกจากการใช้กล้องวงจรปิดแล้ว ยังมีวิธีอื่นๆ เช่น การส่งสัญญาณไปยังมือถือ หรือเพจเจอร์ เพื่อรายงานเหตุการณ์ฉุกเฉินไปยังเจ้าหน้าที่ทันที

4. การใช้รหัสผ่าน และระบบแสดงตัวตน
การใช้รหัสผ่าน เป็นมาตรการหนึ่งของความปลอดภัยขั้นพื้นฐานที่นิยมใช้มานานแล้ว อย่างไรก็ตามรหัสผ่านเป็นความลับอาจจะไม่เป็นความลับหากรหัสผ่าน ดังกล่าวถูกผู้อื่นล่วงรู้ และนำไปใช้ในทางมิชอบ ในการกำหนดรหัสผ่านยังมีกระบวนการที่สามารถนำมาควบคุมและสร้างข้อจำกัดเพื่อความปลอดภัยยิ่งขึ้น เช่น การกำหนดอายุการใช้งานของรหัสผ่าน การบังคับให้ตั้งรหัสผ่านใหม่เมื่อครบระยะเวลา การกำหนดให้ตั้งรหัสผ่านที่ยากต่อการคาดเดา

5. การตรวจสอบ
การตรวจสอบระบบคอมพิวเตอร์ เป็นแนวทางหนึ่งในการป้องกันผู้ไม่หวังดีที่พยายามเข้ามาในระบบ โดยระบบตรวจสอบส่วนใหญ่มักใช้ซอฟต์แวร์ในการบันทึกข้อมูล

6. การกำหนดสิทธิ์การใช้งาน
เนื่องจากระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่ายคอมพิวเตอร์ อนุญาตให้ผู้ใช้มากกว่าหนึ่งคน สามารถเข้าถึงทรัพยากรที่มีอยู่ในระบบ เช่น ไฟล์ เครื่องพิมพ์ ซึ่งทำให้ต้องมีการกำหนดสิทธิ์ การใช้งานทรัพยากรบนเครือข่ายโดยการกำหนดสิทธิ์การใช้งานนั้น จะกำหนดโดยผู้บริหารเครือข่าย และจะพิจารณาปัจจัย 2 ปัจจัยคือ ใคร และอย่างไร โดยที่ใคร (Who) หมายถึง ควรกำหนดสิทธิ์การใช้งานให้ใครบ้าง อย่างไร (How) หมายถึง เมื่อได้รับสิทธิ์ในการใช้งานแล้ว จะกำหนดให้บุคคลนั้นๆ สามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างไร เช่น สามารถอ่านได้อย่างเดียว สามารถเขียนหรือบันทึกได้ สามารถพิมพ์งานผ่านระบบเครือข่ายได้

7. การป้องกันไวรัส
ไวรัสคอมพิวเตอร์เป็นโปรแกรมขนาดเล็กที่จะเข้าไปแก้ไขเปลี่ยนแปลงการทำงานของคอมพิวเตอร์ ทำให้คอมพิวเตอร์เกิดปัญหาต่างๆ ซึ่งปัญหาจะร้ายแรงมากน้อยเพียงใดนั้นขึ้นอยู่กับไวรัสคอมพิวเตอร์แต่ละชนิด ไวรัสบางชนิดก็ไม่ได้มุ่งร้ายต่อข้อมูล แต่เพียงแค่สร้างความยุ่งยากและความรำคาญให้กับผู้ใช้ ในขณะที่ไวรัสบางตัวจะมุ่งร้ายต่อข้อมูลโดยเฉพาะ ซึ่งผลลัพธ์อาจส่งผลต่อความเสียหายในระบบคอมพิวเตอร์ได้

8. ไฟร์วอลล์ (Firewall)
ไฟร์วอลล์ (Firewall) ใช้สำหรับป้องกันผู้บุกรุกบนอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นบุคคลที่ไม่มีสิทธิ์ในการเข้าถึงระบบเครือข่ายส่วนบุคคล แต่ต้องการมุ่งโจมตีหรือประสงค์ร้ายต่อระบบอุปกรณ์ ไฟร์วอลล์หรือคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งซอฟต์แวร์ไฟร์วอลล์ ซึ่งทำหน้าที่ตรวจสอบ ติดตามแพ็กเก็ตที่เข้าออกระบบ เพื่อป้องกันการเข้าถึงเครือข่ายหน้าที่ของไฟร์วอลล์ จะอนุญาตให้ผู้มีสิทธิ์ หรือมีบัตรผ่านเท่านั้นที่จะเข้าถึงเครือข่ายทั้งสองฝั่ง โดยจะมีการป้องกันบุคคลภายนอกที่ไม่ต้องการให้เข้าถึงระบบ

วิธีการรักษาความปลอดภัยบนเครือข่าย
1. ควรระมัดระวังในการใช้งาน การติดไวรัสมักเกิดจากผู้ใช้ไปใช้แผ่นดิสก์ร่วมกับผู้อื่น แล้วแผ่นนั้นติดไวรัสมา หรืออาจติดไวรัสจากการดาวน์โหลดไฟล์มาจากอินเทอร์เน็ต
2. หมั่นสำเนาข้อมูลอยู่เสมอ การป้องกันการสูญหายและถูกทำลายของข้อมูลที่ดีก็คือ การหมั่นสำเนาข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ
3. ติดตั้งโปรแกรมตรวจสอบและกำจัดไวรัส วิธีการนี้ สามารตรวจสอบ และป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์ได้ระดับหนึ่ง แต่ไม่ใช่เป็นการป้องกันได้ทั้งหมดเพราะว่าไวรัสคอมพิวเตอร์ได้มีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา
4. การติดตั้งไฟร์วอลล์ (Firewall) ไฟร์วอลล์(Firewall) จะทำหน้าที่ป้องกันบุคคลอื่นบุกรุกเข้ามาเจาะเครือข่ายในองค์กรเพื่อขโมยหรือทำลายข้อมูล เป็นระยะที่ทำหน้าที่ป้องกันข้อมูลของเครือข่าย โดยการควบคุมและตรวจสอบการรับส่งข้อมูลระหว่างเครือข่ายภายในกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
5. การใช้รหัสผ่าน การใช้รหัสผ่านเป็นระบบรักษาความปลอดภัยขั้นแรกที่ใช้กันมากที่สุด เมื่อมีการติดตั้งระบบเครือข่ายจะต้องมีการกำหนดบัญชีผู้ใช้และรหัสผ่าน หากเป็นผู้อื่นที่ไม่ทราบรหัสผ่านก็ไม่สามารถเข้าไปใช้เครือข่ายได้ หากเป็นระบบที่ต้องการความปลอดภัยสูงก็ควรมีการเปลี่ยนรหัสผ่านบ่อย ๆ เป็นระยะๆ อย่างต่อเนื่อง